เรียนรู้ศาสตร์แห่งการบริหารจากนิทานมงคลชีวิตเศรษฐีหนู

148138517

 

พูดถึง “เศรษฐีหนู” หลายท่านคงนึกถึงชาวบ้านที่ร่ำรวย จากอาชีพขายนก ขายหนูนาตามถนนสายเอเชีย หรือสายบางบัวทอง สุพรรณบุรี ซึ่งมีรายได้ประมาณวันละ ๓,๐๐๐ บาท แต่หากบทความนี้จะกล่าวถึงเรื่องของ “คนประเภทหนึ่ง” ซึ่งมักจะซ่อนอยู่ในองค์กร ซึ่งเขาเหล่านั้นจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้องค์การก้าวหน้าไปสู่ความสำเร็จได้ในอนาคต สำหรับ “ คนประเภทนี้” นั้นจะไม่ค่อยแสดงตัวเท่าไหร่นักเมื่อเวลามีกิจกรรมต่างๆภายในองค์กร  กล่าวคือไม่แสดงความสามารถพิเศษในตัวของเขาออกมาจนกว่าจะได้รับการกระตุ้น การชี้นำ ให้นำเอาความสามารถพิเศษเหล่านั้นออกมาใช้ ท่านผู้บริหารงานบุคคลคงสงสัยแล้วใช่ไหมครับว่าเราจะค้นหา และดึงความรู้ ความสามารถของเขาเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร?

วิธีการค้นหา “คนประเภทนี้” มีมาตั้งแต่โบราณกาล จึงขอยกตัวอย่างนิทานชาดก เรื่อง จูฬาสฏฐิชาดก  * เรื่องมีอยู่ว่า “ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตทรงครองนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เกิดในตระกูลเศรษฐีมีนามว่า "จุลกะเศรษฐี" เป็นผู้มีสติปัญญาฉลาดรอบรู้ วันหนึ่งจุลกเศรษฐีต้องเดินทางเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน เห็นหนูตายตัวหนึ่งตรงถนนก็กล่าวว่า "ผู้ใดมีปัญญา ถือเอาหนูตัวนี้แล้วอาจประกอบการงานให้เจริญเลี้ยงดูบุตรภรรยาให้มีสุขได้ " ผู้รับใช้ของจุลกเศรษฐีชื่อ "จุลันเตวาสิก" ได้ยินคำทำนายนั้น ก็ถือเอาหนูตายนั้นไปขายให้กับคนเลี้ยงได้ทรัพย์มา กากณิกหนึ่ง(ประมาณ๑สตางค์) เขานำเงินนั้นไปซื้อน้ำอ้อยแจกคนเก็บดอกไม้หลวงและได้รับดอกไม้ตอบแทนจึงนำไปขายจนได้เงินถึง ๘ กหาปณะ (กหาปณะหนึ่งราว ๔ บาท)

ต่อมาวันหนึ่ง มีฝนตกพายุแรงจัด พัดไม้แห้ง กิ่งไม้ในพระราชอุทยานหักลงเป็นอันมาก คนในอุทยานขนไปทิ้งไม่ไหวเขาไปหาคนเฝ้าอุทยาน แล้วกล่าวว่า “นาย ถ้าท่านให้กิ่งไม้เหล่านี้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขนมันออกไปให้” คนเฝ้าอุทยานดีใจ เพราะไม่ต้องขนเอง จึงบอกอนุญาตทันทีเขารีบไปยังสนามเด็กเล่นให้น้ำอ้อยเด็กๆ ดื่ม แล้วจึงขอแรงให้พวกเด็กขนต้นไม้แห้งเหล่านั้นออกไปกองไว้นอกอุทยาน เพียงครู่เดียวก็ขนออกไปหมด เขาวางกองฟืนนั้นไว้นอกอุทยาน พอดีช่างเผาหมอหลวงต้องการฟืนจะเผาหม้อ จึงขอซื้อฟืนเขาไปเป็นเงิน ๑๖ กหาปณะ และมอบตุ่มน้ำ๕ ใบ ให้เขาด้วย เขาจึงใช้เงิน ๒๔ กหาปณะซื้อตุ่มน้ำเพิ่ม แล้วตั้งตุ่มน้ำสำหรับดื่มไว้ที่ใกล้ประตูเมืองไว้ให้คนตัดหญ้า ๕๐๐ คนดื่ม เพื่อเป็นการผูกมิตร จากนั้นจุลันเตวาสิกได้คบหาสมาคมกับเพื่อนที่เป็นพ่อค้าขายสินค้าทางบกและทางน้ำ

วันหนึ่งเขาได้ทราบข่าวจากเพื่อนผู้เป็นพ่อค้าทางบกว่า จะมีพ่อค้านำม้ามาประมาณ 500 ตัว เขารีบไปบอกคนเกี่ยวหญ้าขอร้องว่า “วันนี้ขอหญ้าคนละฟ่อน และหากหญ้าของข้าพเจ้ายังมิได้ขาย พวกท่านอย่าพึงขายให้ใครนะ”พวกเกี่ยวหญ้ารับคำ พวกพ่อค้าม้ามาถึง เมื่อไม่มีหญ้าจากที่อื่นจึงต้องซื้อหญ้าจากเขา เขาขายหญ้าครั้งนั้นได้เงินถึง ๑,๐๐๐ กหาปณะ ต่อมาอีกวันหนึ่งเขาทราบข่าวจากเพื่อนทางเรือว่า มีเรือมาจอดที่ท่าแล้ว จะมีกิจอะไรก็เชิญเถิด เขารีบไปที่ท่าเรือ นั่งรถเทียมม้าอย่างสง่าผ่าเผย เมื่อไปถึงท่าเรือ ได้เอาแหวนวงหนึ่งมัดจำสินค้าไว้ทั้งหมด เขาขายสินค้าคราวนั้นได้กำไรถึง ๒ แสนกหาปณะเขาระลึกถึงคุณของท่านเศรษฐีที่ชี้ช่องทางให้ ด้วยการเริ่มต้นด้วยหนูตายเป็นตัวเดียว จึงได้ทำทรัพย์แสนกหาปณะไปมอบให้ท่านเศรษฐี และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทราบ

เศรษฐีคิดว่า “คนนี้ไม่ควรเป็นคนรับใช้ของข้าเสียแล้ว” จึงมิให้เขารับใช้อีกต่อไป ขณะเดียวกัน เศรษฐีได้เห็นความเพียรพยายามและความกตัญญูกตเวทีของเขา จึงยกลูกสาวให้อีกด้วย เมื่อเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว เขาก็ครองตำแหน่งเศรษฐีแทน ชาวบ้านทั่วไปเรียกกันว่า “เศรษฐีหนู”

 “คนประเภทนี้”  ที่ได้กล่าวถึงแต่ต้นนั่นหมายถึงบุคคลที่มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับ “จุลันเตวาสิก” ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสามารถซ่อนอยู่ภายใน รอเพียงแต่การชี้แนะหรือแนะนำเท่านั้น  โดยไม่ต้องพัฒนาทักษะหรือความสามารถที่ซ่อนไว้เพิ่มเติม แต่เขาจะพัฒนาต่อยอดจากจุดเริ่มต้นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดอันจะส่งผลดีขององค์กรต่อไป

 

 


JobDST Job จ็อบดีเอสที สมัครงาน งาน หางาน หางานดี งานราชการ งานบัญชี งานนอกเวลางานอิสระ งานบริษัท มหาชน เอกชน รัฐวิสาหกิจ บรรษัท ค้นหาคนค้นหางาน ค้นหาพนักงานรับสมัครงาน รับสมัครพนักงาน ค้นหาคนดี ค้นหาคนเก่ง แหล่งรวบรวมข้อมูล บริษัทชั้นนำคนหางานทั่วประเทศ