กรอกข้อความเท็จในใบสมัครงานเลิกจ้างได้มั้ย?
|
ประเด็นพิพาทนี้นายจ้างแพ้ครับ เมื่อไปดูข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างในคดีนี้ หมวด 10 ว่าด้วย วินัยและโทษทางวินัย ข้อ 3.3 ความซื่อสัตย์สุจริต ข้อ 3.3.2 พนักงานต้องแจ้งข้อมูลส่วนตัวของตนตามที่บริษัทฯ ต้องการแก่บริษัทฯ ตามความเป็นจริง และถ้าข้อมูลที่ได้แจ้งแล้วไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงไม่ว่าด้วยเหตุผลใด พนักงาน ต้องรายงานข้อมูลที่ถูกต้องให้บริษัทฯ ทราบโดยเร็วที่สุด
จากข้อความที่ระบุไว้ในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานนั้น ย่อมมีผลใช้บังคับกับคนที่เป็นลูกจ้างแล้วเท่านั้น ไม่มีผลผูกพัน ไปถึงบุคคลภายนอก
ขณะที่ลูกจ้างที่เป็นโจทก์ฟ้องในคดีนี้ ได้กรอกข้อความลงในใบสมัครงาน ตอนนั้นเป็นแค่ผู้สมัครงานเท่านั้น ยังไม่ได้เป็น ลูกจ้าง ก็ต้องถือว่าเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งไม่มีหน้าที่ต้องมาทำตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย
ส่วนที่ตอนท้ายของใบสมัครงานมีข้อความว่า ข้าพเจ้าขอรับรองว่ารายละเอียดดังกล่าวข้างต้นนี้ เป็นความสัตย์จริง ทุกประการ หากภายหลังที่ได้เข้ามาทำงานแล้ว ปรากฏว่ามีข้อความที่ไม่ตรงกับความจริงหรือเป็นความเท็จ บริษัทฯ มีสิทธิที่จะลงโทษและ/หรือเลิกจ้าง โดยให้ข้าพเจ้าออกจากงานได้ทันที ตามแต่กรณีนั้น ศาลฎีกาท่านมองว่าอาจเป็น เงื่อนไขข้อตกลงในสัญญาว่าจ้าง ที่ให้สิทธิแก่นายจ้างลงโทษลูกจ้างหรือเลิกสัญญาจ้างได้เป็นการเฉพาะราย
ใบสมัครงาน มิใช่ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานที่นายจ้างต้องจัดให้มีตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ดังนั้น แม้จะได้ความว่าลูกจ้าง (โจทก์) กรอกข้อความในใบสมัครงานเป็นเท็จ กรณีที่ว่านั้นจึงถือไม่ได้ว่าการกระทำของลูกจ้าง รายนี้เป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้าง
เมื่อนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยอาศัยเหตุดังกล่าว ลูกจ้างจึงมีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชย และไม่สูญเสียสิทธิที่จะได้รับประโยชน์ต่างๆ อันพึงมีพึงได้ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างด้วย
ข้อเท็จจริงต่อมาคือ นับตั้งแต่ที่รับลูกจ้างรายที่เป็นโจทก์นี้ เข้ามาทำงานเป็นพนักงานควบคุมเครื่องจักร ลูกจ้างก็ได้ปฏิบัติ หน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์และขยันหมั่นเพียร จนได้รับเบี้ยขยันและได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าแผนก อันเป็นการแสดง ให้เห็นว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นพนักงานของนายจ้าง (จำเลย) แล้ว
แม้ว่าลูกจ้างจะได้เคยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญามาก่อน แต่ก็เป็นความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งผู้เสียหายก็ได้ถอนคำร้องทุกข์ และคดีระงับสิ้นลงแล้วด้วยซ้ำ ก่อนที่จะมาเป็นพนักงานของนายจ้างประมาณ 2 ปี
อีกอย่างหนึ่งคือเป็นความผิดที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมเครื่องจักรให้แก่นายจ้าง จึงมิใช่เรื่องร้ายแรงครับ
การที่นายจ้างไปอาศัยเหตุที่ว่ามาทั้งหมดข้างต้นนั้น ไปเลิกจ้างลูกจ้าง (โจทก์) จึงมิใช่เหตุผลอันสมควร จึงเป็นการเลิกจ้าง ที่ไม่เป็นธรรม
บางส่วนจากบทความ “ฎีกา 2 รส ขมอมหวาน ค่าเช่าบ้านถือเป็นค่าจ้างหรือไม่ และ กรอกข้อความเท็จ ในใบสมัครงานเลิกจ้างได้มั้ย” อ่านบทความเต็มได้ใน... วารสาร HR Society magazine ปีที่ 17 ฉบับที่ 206 เดือนกุมภาพันธ์ 2563 |
|